เมนู

แต่เพราะทรงแทงตลอดพระสัพพัญญุตญาณมาดีแล้ว พระผู้มี-
พระภาคเจ้าผู้เป็นธรรมิสสรธรรมราช จึงทรง (สามารถ) ทำการ
กำหนดอรูปธรรมเหล่านี้ที่เป็นไปในอารมณ์เดียวกันได้.
แม้ด้วยการตักน้ำตรงที่ที่แม่น้ำใหญ่ 5 สาย ไหลเข้าสู่ทะเลแล้ว
แยกออก (บอก) อย่างนี้ว่า นี้เป็นน้ำจากแม่น้ำคงคา นี้เป็นน้ำจาก
แม่น้ำยุมนา ก็พึงทราบความหมาย (ดังว่ามา) นี้.

ลักษณะของทุกข์


พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสถึงลักษณะของอนัตตาด้วย
หัวข้อ 2 หัวข้อ คือ หัวข้อที่หนึ่งตรัสถึงสุญญตา หัวข้อที่สอง
ตรัสถึงลักษณะของสุญญตา อย่างนี้แล้ว บัดนี้เพื่อจะทรงแสดงถึง
ลักษณะของทุกข์ จึงตรัสคำว่า ตตฺร ภิกฺขเว ดังนี้เป็นต้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ขชฺชามิ ความว่า รูปหาได้แทะเนื้อ
คนเรากินเหมือนสุนัขไม่ แต่พึงทราบว่า เปรียบเหมือนคนนุ่งผ้าเนื้อหยาบ .
พูดว่า ผ้ากัด (เนื้อ) เรา ดังนี้ ก็โดยมุ่งหมายเอาการเสียดสีที่เกิดจาก
การนุ่งผ้าเนื้อหยาบนั้นฉันใด แม้รูปนี้ก็ฉันนั้น (คือ) ให้เกิดการบีบคั้น
ขึ้นจึงชื่อว่า กิน.
บทว่า ปฏิปนฺโน โหติ ความว่า เป็นผู้ปฏิบัติเริ่มต้นตั้งแต่
(รักษา) ศีล (ให้บริสุทธิ์) จนกระทั่งถึง (บรรลุ) อรหัตตมรรค.
ก็ในบทนี้พึงทราบอธิบาย (เพิ่มเติม) ว่า พระโยคาวจร
รูปใด มีญาณเป็นกำลัง ยอดเยี่ยมด้วยพุทธญาณอันแก่กล้า บำเพ็ญ
เพียรอยู่ในภูมิธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งการบำเพ็ญเพียร ถูกตอไม้ตำ
หรือหนามเกี่ยว ถูกอาวุธประหาร หรือถูกสัตว์ร้ายทั้งหลายมีเสือโคร่ง

เป็นต้นจับกิน ก็ทำเวทนานั้นให้เป็นอัพโพหาริก (ไม่ให้เวทนาปรากฏ)
พิจารณามูลกัมมัฏฐานย่อมยึดพระอรหัตต์ไว้ได้ทีเดียว พระโยคาวจรนี้
เรียกว่า ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับเวทนา
เหมือนพระมิคิมัลลเถระ เหมือนพระมหาติสสเถระบุตรของกุฎุมพี
เหมือนพระรูปหนึ่งในจำนวนพระประมาณ 30 รูป (จำพรรษาอยู่ใน
ดงวัตตนี) ที่ (ถูกเสือโคร่งกัด) นอน (พิจารณากัมมัฏฐานอยู่) ใน
ปากเสือโคร่ง และเปรียบเหมือนพระเถระรูปที่ถูกหนามแทง ฉะนั้น.

พระถูกหนามแทงพิจารณากัมมัฏฐาน


เล่ากันว่า เมื่อพระ 12 รูป เคาะระฆังแล้วบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่า
พระรูปหนึ่ง พอเมื่อพระอาทิตย์อัสดงคตเท่านั้นก็เคาะระฆังลงสู่ที่
จงกรม (ท่าน) จงกรมไปพลางเร่งความเพียรไปพลาง (พลาด) ไป
เหยียบหนามที่หญ้ากลบไว้. หนามทะลุออกหลังเท้า เวทนาเป็นไป
เหมือนเวลาถูกกระเบื้องคมบาดฉะนั้น. พระเถระคิดว่า เราจะถอน
หนามนี้ออก หรือจะปล่อยหนามให้แทงคาอยู่อย่างเดิม. ท่านได้มี
ความคิดดังนี้ว่า ชื่อว่าการไปในทุคคติมีนรกเป็นต้น (การตกนรก)
เพราะถูกหนามนี้แทง ไม่มีดอก (เราจะปล่อยให้) หนามแทงอยู่
อย่างเดิม. ท่านทำเวทนานั้นให้เป็นอัพโพหาริก (ไม่ให้เวทนาปรากฏ)
แล้วเดินจงกรมตลอดทั้งคืน เมื่อราตรีสว่าง ได้ส่งสัญญาณให้แก่พระ
อีกรูปหนึ่ง พระรูปนั้นจึงมา (หาท่าน) แล้วถามว่า "เป็นอะไรไป
ขอรับ ?"
"ผมถูกหนามแทง ผู้มีอายุ".
"เมื่อไร ขอรับ ? "